เนื่องจากการอัพเดทเว็บไซต์ใหม่ ลูกค้าเก่ากรุณาทำลงทะเบียนใหม่ เพื่อเชื่อมต่อกับสมาชิกเดิม / You are on onionbkk.com new version. Existing customers, please re-register.
FALL-WINTER 2024 | AND WANDER · MIZUNO · W'MENSWEAR · WOOLRICH · NOMA T.D. · DA · KOLOR · BEAUTIFUL PEOPLE · RHODOLIRION · HENRIK VIBSKOV · PILGRIM SURF+SUPPLY · DANTON · ENGINEERED GARMENTS · NEEDLES·
Story + Photographer :Andy Jackson
Translator : Patchara Sakuntalak
As I hurriedly rushed down the street to get to Yumiko’s apartment, she texted that she would go to Ashbox as she was getting a bit hungry waiting for me to arrive. I waited on the stoop of her apartment until I saw Yumiko riding up on the sidewalk with her bike and food in hand. Her hair fell on her shoulders and she looked out of breath. Understanding, but concerning, Yumiko says, “Remember, time is everything. You have to be on time!”
Being a hard worker who has experience in various capacities, Yumiko Sakuma is all about doing the best you can do, and of course, being on time. Starting out as a reporter, Yumiko has been very diligent about making her way up the ranks in New York City, eventually quitting her reporting job in 2002 to become a freelance writer and editor in 2003.
Once Yumiko starts chowing down on her food, the brightness in her face starts to illuminate and we start chatting about various beginnings in her life.
ในขณะที่ผมเร่งรีบไปตามถนนเพื่อไปยังอพาร์ตเม้นต์ของคุณยูมิโกะนั้น เธอส่งข้อความมาหาผมว่าเธอกำลังไป Ashbox เพราะเธอค่อนข้างหิวในระหว่างที่นั่งรอผม เมื่อผมไปถึง ผมนั่งรอเธออยู่ที่หน้าประตู อีกไม่นานเธอก็ขี่จักรยานเข้ามาพร้อมกับอาหารในมือ ผมยาวประบ่าของเธอสะบัดไปมา ในขณะที่เธอพยายามที่จะหายใจให้ทัน ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ทันใดนั้น คุณยูมิโกะ ก็พูดขึ้นมาว่า “จำไว้นะ เวลามีคุณค่า คุณต้องตรงต่อเวลา”
ในฐานะของคนที่ทำงานหนัก และมีประสบการณ์รอบด้านอย่าง คุณยูมิโกะนั้น เธอให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ ตรงต่อเวลาเป็นอย่างมาก เธอเริ่มมาจากการเป็นผู้รายงานข่าว ที่ไต่เต้าขึ้นไปยังตำแหน่งสูง ในมหานครนิวยอร์ค แต่แล้วก็ลาออกในปี 2002 เพื่อมาเป็นนักเขียน และ editor ฟรีแลนซ์ ในปี 2003
เมื่อยูมิโกะเริ่มรับประทานอาหารของเธอ สีหน้าของเธอก็เริ่มสดใส และพร้อมที่จะเริ่มเล่าเรื่องการเริ่มต้นชีวิตการทำงานอันหลากหลายของเธอ
One of those beginnings was fashion, which changed her life in drastic ways. She explains, “I think it was in high school in the late 80s, early 90s. Growing up in Tokyo, there was this big movement in American casual wear. I didn’t know what I was doing or what I was wearing, except that the boys around me were into this style. That’s how it originally started.” However, Yumiko was quick to point out that there were other motives to the way she dressed: “Take my mom for example: although we have different styles, she is very much into fashion and always enforced the importance of how to carry yourself. That being said, I rebelled against her and I went through different phases”, she says. “She was a high-fashion kind of lady, whereas I had the American casual phase, which turned into vintage, then it went to outdoor...oh and of course not forgetting a hippy phase as well. But when I became a general news reporter, I totally forgot about it all. It was only when I became a freelancer that I went back to fashion – specifically, menswear. There wasn’t much going on in the men’s fashion world in New York per say, but by chance I became connected with Thom Browne as he was starting out, and also Daiki Suzuki. I got interested not just in men’s fashion, but in how clothes are made and who makes them.”
จุดเริ่มต้นของอาชีพเธอ อย่างหนึ่งก็คือแฟชั่น แฟชั่นมีผลกระทบต่อชีวิตของเธอเป็นอย่างมาก เธอเริ่มอธิบาย “ ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงไฮสคูล ช่วยปลายๆปี 80 เรื่อยมาจนถึงต้นยุค 90 การเติบโตมาในโตเกียวช่วงยุคที่ American casual wear กำลังเข้ามามีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันทำอะไร หรือใส่อะไร แต่ผู้คนรอบข้างฉันนั้นล้วนแต่งตัวตามสไตล์นี้กันทั้งนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง” แต่อย่างไรก็ตาม ยูมิโกะ ได้กล่าวถึงเทรนด์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อสไตล์ของเธอเช่นกัน “ตัวอย่างจากแม่ของฉัน ถึงแม้เราสองคนจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน อย่างสิ้นเชิง แต่แม่ของฉันก็ให้ความสำคัญกับแฟชั่นเป็นอย่างมาก และปลูกฝังฉันมาตลอด เกี่ยวกับการแต่งตัว และดูแลตัวเอง แต่ถึงฉันจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ฉันเองก็ผ่านจุด ที่ท้าทายเธอมามากเหมือนกัน” เธอย้ำ “แม่ของฉันนั้นเป็นผู้หญิงประเภท ไฮ แฟชั่น และตรงข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง ฉันเองกำลังอินกับยุค American casual ซึ่งเรื่อยไปจนถึงวินเทจ และมาจนถึงเอ้าท์ดอร์ สไตล์ อ้อ แล้วก็อย่าลืม ยุค ฮิปปี้ด้วยนะ แต่เมื่อมาจนถึงยุคที่ฉันทำงาน เป็นนักข่าว ฉันก็ห่างไกลแฟชั่นไปมาก จึงให้ความสำคัญกับมันน้อยลง จนฉันกลับมาทำฟรีแลนซ์นี่แหล่ะ นั่นคือช่วงที่ฉันกลับมาให้ความสนใจกับแฟชั่นเหมือนเดิม โดยเฉพาะ menswear จริงๆแล้วใน New york menswear นั้นไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ด้วยช่วงเวลานั้นที่ฉันได้พบกับ Thom Browne ในตอนที่เขากำลังจะเริ่มพอดี รวมไปถึง Daiki Suzuki ที่ให้ความสนใจ ไม่ใช่แค่กับ menswear แต่เน้นไปที่กับการทำเสื้อผ้า และคนเบื้องหลังการทำอีกด้วย”
With so much confidence exuding from this woman, Yumiko Sakuma has always been a go-getter. “If you set your mind on something that you really want and really work hard towards it, usually it will happen”, she says boldly. “That’s how life is - especially when you’re young and passionate. I mean obviously I had went through a phase where I didn’t know who I was and I wasn’t sure about what I wanted to do with my life – we all do. That was probably the most difficult time in my life. I knew I wanted to move to America when I saw The Jerry Garcia Band in ’93, but writing became a goal only later in my life. You know if you want something, you’ll figure out how to get there, so I was determined to make that happen.”
Maybe it’s because of this that Yumiko’s biggest goal is to bring Japan to the world through various brands she works with, such as Best Made Company by Peter Buchanan-Smith. “I definitely feel the need to communicate Japanese culture to the outside world, because all of these years I have been introducing American culture to Japanese people.” Although, there’s inspiration New York gives Yumiko that in ways Tokyo couldn’t - one of them being diversity. Seeing all of the different people of various backgrounds gives her a “sense of excitement”. In the fashion world, too: “Nowadays it’s so easy to look up what’s going on on the other side of the world. It’s a fully diverse, international industry where people really travel around, so there are so many different influences being incorporated.”
ด้วยความมั่นใจมหาศาลจากผู้หญิงคนนี้ ยูมิโกะ ซะคุมะ เป็นคนที่มุ่งมั่น และกระตือรือร้น “ถ้าหากคุณตั้งใจที่จะทำอะไร ที่คุณต้องการมันจริงๆแล้วนั้น ปกติแล้วมันก็จะสำเร็จเสมอ” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ “ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ เมื่อคุณมี passion …ฉันหมายถึงว่า ฉันเองก็ผ่านช่วงเวลาที่ไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้ว่าฉันควรจะทำอะไรกับชีวิตฉันดี …ทุกคนก็เป็นแหล่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยากที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันรู้ว่าฉันต้องการที่จะย้ายไปอยู่อเมริกา เมื่อฉันได้ดูวง The Jerry Garcia ในปี 93 แต่เรื่องการมาเป็นนักเขียนนั้น มันตามมาทีหลัง ฉันว่าถ้าคุณมีเป้าหมายในชีวิต และต้องการมันจริงๆ คุณจะหาทางที่จะทำให้ได้มันมาในที่สุด ซึ่งฉันก็มุ่งมั่น เพื่อที่จะให้ได้มันมา”
บางที อาจจะเป็นเพราะ เป้าหมายของยูมิโกะ ก็คือการทำให้ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักระดับโลก ผ่านทางแบรนด์ต่างๆที่เธอได้ทำงานร่วมกัน อย่างเช่น Best Made Company By Peter Buchanan Smith . “ฉันต้องการที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นสู่โลกภายนอก เพราะที่ผ่านมา ที่ฉันได้แนะนำวัฒนธรรมอเมริกัน สู่ชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด” นิวยอร์คนั้นมีอิทธิพลต่อยูมิโกะ อย่างที่โตเกียวให้เธอไม่ได้ อย่างเช่น ความหลากหลายของผู้คน ที่เธอสามารถพบเจอได้ในนิวยอร์ค ซึ่งให้ “sense of excitement” แบบที่เธอหาไม่ได้จากที่อื่น เช่นเดียวกันกับในโลกแห่งแฟชั่น “ทุกวันนี้ มันง่ายมากๆ ที่จะได้เห็นว่าอีกฟากหนึ่งของโลกมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความหลากหลาย ในโลกธุรกิจ ที่ผู้คนไปมาหาสู่กันได้ง่ายมากขึ้น ทำให้แรงบันดาลใจต่างๆที่เข้ามา มีอิทธิพลต่อกันได้อย่างง่ายดายมากขึ้น”
After taking a call, Yumiko is even brighter than before. I ask what she thinks young Japanese could do to be just as happy as she is now. She pauses before exclaiming, “Don’t listen to adults - make your own decisions. Don’t get bound by rules. There’s no right way to do life – there are so many different ways live it. I remember hearing “you can’t do that” or “that’s not the way to do it”, but I think that’s bullshit”. She continues, “Finding your passion is the hardest part but once you know what your passion is or where you want to go to or what you want to become, the rest is kind of easy. All you have to do is work hard. I feel like I was always bullshitted when adults asked “what do you want to become” – they make it sound so simple. But I feel fortunate that at least in my twenties I was able to find my purpose. All you have to do is explore the world, because there’s always something out there that you haven’t seen.”
หลังจากรับโทรศัพท์ ยูมิโกะก็ดูสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ผมจึงถามขึ้นว่า เธอคิดว่าคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่นั้น จะสามารถมีความสุขกับการทำงาน ได้อย่างเธอหรือเปล่า เธอหยุดคิดซักพัก และอุทานออกมาว่า “อย่าไปฟังผู้ใหญ่เลย ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่าถูกรอบล้อมด้วยกฎระเบียบต่างๆ มันไม่มีวิธีการที่ถูกต้องในการใช้ชีวิตหรอก มันมีตั้งหลายวิธีในการใช้ชีวิต แต่ฉันคิดว่ามันไร้สาระน่ะ” เธอเสริมต่อว่า “การหาแรงบันดาลใจนั้นเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่เมื่อเธอหามันเจอ หรือรู้ว่าเธออยากทำอะไรแล้ว ที่เหลือมันก็ง่ายเอง สิ่งที่เธอต้องทำคือตั้งใจ ฉันรู้สึกเหมือนฉันพูดจาไร้สาระ เวลาผู้ใหญ่ถามฉันว่าฉันอยากเป็นอะไร พวกเขาพูดเหมือนมันง่ายมาก แต่ฉันถือว่าโชคดี ที่ฉันค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุ 20กว่าๆ สิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือการออกไปดูโลก เพราะมันจะมีสิ่งที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน และนั่นแหล่ะคือประสบการณ์ชีวิต”